วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานะทางกฎหมายของกัญชง (เฮมพ์): จากพืชยาเสพติดกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ

ปรุฬห์ รุจนธำรงค์


กัญชงหรือเฮมพ์ (hemp) เป็นชนิดย่อย (ซับสปีชีส์, subspecies) ของกัญชา เนื่องจากกัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จึงส่งผลให้กัญชงหรือเฮมพ์ซึ่งเป็นชนิดย่อยของกัญชาก็กลายเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ไปด้วย แต่กัญชงก็มีประโยชน์ตรงที่เส้นใยมีความเหนียวสามารถนำมาทำเป็นสิ่งทอได้ จึงเป็นช่องทางที่จะผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้ และเพื่อเป็นการสนับสนุนงานโครงการหลวงด้วย

ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการผลักดันเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2556 เรื่อง ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรอบแนวทางการพิจารณาเพื่อการควบคุมและส่งเสริมการปลูก พืชกัญชง (เฮมพ์) เป็นพืชเศรษฐกิจ (ดูรายละเอียดได้ที่ http://rparun.blogspot.com/2013/05/cabinetresolution25560507cannabis.html) มีประเด็นการแก้ไขกฎหมาย คือ กำหนดให้มีการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ.2539) ซึ่งเป็นประกาศที่ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 และให้มีการจัดทำร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตและควบคุมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) ให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 

ต่อมาก็ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 12) ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ได้กำหนดเพิ่มเติมเงื่อนไขของพืชกัญชาซึ่งได้รับการยกเว้นเปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้ง และผลิตภัณฑ์จากเปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้ง ไม่ให้เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งก็เป็นการเปิดช่องให้กับการใช้ประโยชน์จากเส้นใยของกัญชง (ซึ่งกัญชงเป็นชนิดย่อยของกัญชาตามที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นแล้ว)

เนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขยกเว้นเปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้ง  ไม่ให้เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 นั่นหมายความว่า หากเป็นเปลือกสด แกนลำต้นสด เส้นใยสด ก็ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อยู่ ซึ่งหากมีการปลูกเพื่อเพิ่มจำนวนซึ่งถือว่าเป็นการผลิต มีการจำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ก็ถือว่าฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 26 ด้วย แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษเป็นราย ๆ ไปได้ โดยการขออนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น สิ่งที่ยังขาดในขั้นตอนนี้ คือ ร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตและควบคุมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) ซึ่งเดิมเคยมีแผนกำหนดให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 แต่ก็ยังไม่ได้เป็นไปตามเป้าแต่อย่างใด จนกระทั่งเกิดรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2557 แล้วมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง 


ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2557 เรื่อง ร่างกฎกระทรวงขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเฮมพ์ (Hemp) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเฮมพ์ (Hemp) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
          กระทรวงสาธารณสุข เสนอว่า
          1. เฮมพ์เป็นชนิดย่อยของกัญชา จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยมีสารสำคัญ คือ  เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol,THC) ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง และมีลักษณะทางกายภาพคล้ายกับกัญชามากจนยากในการจำแนก ขณะเดียวกันเฮมพ์เป็นพืชที่สามารถนำมาแปรรูปและใช้ประโยชน์เชิงอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ เช่น สิ่งทอ กระดาษ ผลินภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น สำหรับประเทศไทยมีการปลูกเฮมพ์เพื่อนำเส้นใยมาใช้ในการทอผ้าเพื่อเป็นเครื่องนุ่งห่ม และปัจจุบันมีการสนับสนุนให้มีการศึกษาและส่งเสริมให้ปลูกเฮมพ์เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน และอนาคตจะส่งเสริมให้ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจและนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น
          2. เดิมการขออนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฮมพ์ต้องดำเนินการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การควบคุม และการกำกับดูแลการปลูกเฮมพ์เป็นการเฉพาะ ดังนั้น เพื่อให้สามารถส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ เป็นพืชเศรษฐกิจได้ภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินการที่เข้มงวดรัดกุม มิให้มีการรั่วไหลไปใช้ในทางที่ผิด จึงจำเป็นต้องดำเนินการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การควบคุม และการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวกับเฮมพ์เป็นการเฉพาะ ซึ่งร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษแล้ว 

          สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
          1. กำหนดวัตถุประสงค์ในการขอรับใบอนุญาตผลิต จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเฮมพ์ และคุณสมบัติของผู้รับในอนุญาต
          2. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการเพิกถอนใบอนุญาต และอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแลการดำเนินการของผู้ได้รับอนุญาต ตลอดจนการสั่งอายัดหรือห้ามเคลื่อนย้ายเฮมพ์
          3. กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ต้องปฏิบัติในการผลิตจำหน่าย และการเก็บรักษาเฮมพ์ การตรวจวิเคราะห์หาปริมาณเตตราไฮโดรแคนนาบินอล
          4. กำหนดบทเฉพาะกาลให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเฮมพ์ตามกฎกระทรวงนี้ เป็นระยะเวลา 3 ปีนับจากวันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ และให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษพิจารณาความเหมาะสมในการอนุญาตให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลอื่นมายื่นขอรับในอนุญาต หากพิจารณาแล้วยังไม่อนุญาตให้เสนอรัฐมนตรีหรือพิจารณาขยายระยะเวลาของบทเฉพาะกาลนี้ไปอีก 2 ปี
          5. กำหนดบทเฉพาะกาลให้ในระหว่างที่ยังไม่สามารถจัดหาเมล็ดพันธุ์รับรองตามกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการจดทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืช และมีผลการตรวจวิเคราะห์แสดงปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ไม่เกินปริมาณตามที่กำหนด
          6. กำหนดบทเฉพาะกาลให้ใบอนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเฮมพ์ที่ออกให้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้คงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาตนั้นสิ้นอายุ

หลังจากนั้น รอประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป หากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งในที่นี่