วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คำพิพากษาศาลฎีกา คดีขายยาไวอากร้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8599/2552

พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์
นาย บ. ค. จำเลย

ป.วิ.อ. มาตรา 158(5), 195 วรรคสอง
มาตรา 4

โจทก์บรรยายฟ้องในความผิดฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามฟ้องข้อ 1.2 ถึง 1.6 ว่า จำเลยขายยาไวอากร้า ซึ่งเป็นยาจำพวกขยายหลอดเลือด ซึ่งมีส่วนผสมซิลเดนาฟิล จัดเป็นยาแผนปัจจุบันประเภทควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดที่โจทก์กล่าวหาให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง, 101 พอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาแล้ว แม้ฟ้องโจทก์ในข้อ 2 บรรยายว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดยาจำนวนตามฟ้องข้อ 1.2 ถึง 1.6 จากจำเลยเป็นของกลาง ก็ไม่เป็นการบรรยายฟ้องที่ขัดกัน เพราะฟ้องข้อดังกล่าวมิใช่องค์ประกอบของความผิดเป็นเพียงบรรยายถึงการจับกุมจำเลยและการยึดยาของกลางเท่านั้น อีกทั้งตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 4 บัญญัติว่า ... ขาย หมายความว่า ขายปลีก... และให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วยการที่ยึดยาของกลางจากจำเลยได้จำนวนเท่ากับที่จำเลยขาย จึงหาทำให้ฟ้องขัดกันไม่ เพราะไม่ว่าจำเลยจะขายหรือมีไว้เพื่อขายยาของกลาง ก็เป็นความผิดฐานขายยาของกลางตามฟ้อง ฟ้องโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว



________________________________


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 92, 287 พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 4, 12, 101, 126 ริบของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง, 101 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีไว้ซึ่งสิ่งของลามกเพื่อความประสงค์แห่งการค้า จำคุก 3 เดือน ฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นกรรมเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี เพิ่มโทษกระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานมีไว้ซึ่งสิ่งของลามกเพื่อความประสงค์แห่งการค้า จำคุก 4 เดือน ฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษฐานมีไว้ซึ่งสิ่งของลามกเพื่อความประสงค์แห่งการค้า จำคุก 2 เดือน ฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่งแล้ว คงลงโทษฐานมีไว้ซึ่งสิ่งของลามกเพื่อความประสงค์แห่งการค้า จำคุก 1 เดือน 15 วัน ฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน 15 วัน ให้ยกคำขอส่วนที่ขอให้เพิ่มโทษจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ที่บัญญัติว่า การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี นั้น มีความหมายว่า เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานใดแล้ว โจทก์จะต้องบรรยายข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนั้นให้ครบองค์ประกอบความผิดดังกล่าวโดยระบุเวลาและสถานที่กระทำผิด รวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาที่จะต่อสู้คดีตามฟ้องโจทก์ได้ ซึ่งโจทก์ได้บรรยายฟ้องในความผิดฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามฟ้องข้อ 1.2 ถึง 1.6 ว่า จำเลยได้ขายยาไวอากร้า ซึ่งเป็นยาจำพวกขยายหลอดเลือด ซึ่งยาไวอากร้าทั้งหมดมีส่วนผสมซิลเดนาฟิล จัดเป็นยาแผนปัจจุบันประเภทควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คำฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดที่โจทก์กล่าวหาให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง, 101 พอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานขายยาแผนปัจจุบันประเภทยาควบคุมพิเศษโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว แม้คำฟ้องของโจทก์ในข้อ 2 บรรยายว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดอวัยวะเพศชายเทียม จำนวน 6 อัน และยาจำนวนตามฟ้องข้อ 1.2 ถึง 1.6 จากจำเลยเป็นของกลางดังเช่นที่จำเลยฎีกา ก็ไม่เป็นการบรรยายฟ้องที่ขัดกันเพราะคำฟ้องข้อดังกล่าวมิใช่องค์ประกอบของความผิดเป็นเพียงบรรยายถึงการจับกุมจำเลยและการยึดยาของกลางเท่านั้น อีกทั้งตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 4 ได้บัญญัติว่า.. ขาย หมายความว่า ขายปลีก...และให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วยการที่ยึดยาของกลางจากจำเลยได้จำนวนเท่ากับที่จำเลยขายจึงหาทำให้ฟ้องขัดกันไม่เพราะไม่ว่าจำเลยจะขายหรือมีไว้เพื่อขายยาของกลางก็เป็นความผิดฐานขายยาของกลางตามฟ้อง คำฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน


( บุญส่ง โพธิ์พุทธชัย - ธานิศ เกศวพิทักษ์ - สิงห์พล ละอองมณี )


ศาลอาญากรุงเทพใต้ - นางสาวปิยะธิดา อุปพงษ์
ศาลอุทธรณ์ - นายชาญณรงค์ ปราณีจิตต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น