ปรุฬห์ รุจนธำรงค์
รถเร่ขายยา
คืออะไร ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกคร่าว ๆ ถึงรถขายเงาะ ทุเรียน หรือขายผักผลไม้
ที่แล่นเข้ามาขายสินค้าตามหมู่บ้านหรือตามตรอกซอกซอย เพียงแต่เปลี่ยนสินค้าจากผักผลไม้เป็นยารักษาโรคแทน
กรณีรถเร่ขายยาสามารถทำได้หรือไม่
หรือมีปัญหาทางกฎหมายอย่างไร พิจารณาดังต่อไปนี้
1.
ประเภทยาที่ขายในรถเร่
1.1
กรณีที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน การขายยาสามัญประจำบ้าน หากเป็นยาสามัญประจำบ้านแผนปัจจุบันไม่ได้ต้องได้รับอนุญาตก่อนการขายยา
ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 13(3)
จึงไม่อยู่ในฐานะผู้รับอนุญาตขายยา ตามมาตรา 12 (“ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า
ผู้ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และในกรณีนิติบุคคลเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต
ให้หมายความรวมถึงผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการด้วย) หากเป็นยาแผนโบราณที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน
ไม่ต้องได้รับใบอนุญาตก่อนการขายยา ตามมาตรา 47(3) จึงไม่อยู่ในฐานะผู้รับอนุญาตขายยา ตามมาตรา 46
หากพิจารณาเรื่องการขายยานอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
กรณียาแผนปัจจุบัน มาตรา 19(1)
ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
เว้นแต่เป็นการขายส่ง กรณีการขายยาแผนโบราณ มาตรา 53 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาแผนโบราณนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
เว้นแต่เป็นการขายส่ง
เมื่อการขายยาสามัญประจำบ้านไม่ต้องได้รับใบอนุญาตก่อนการขายยา
จึงไม่อยู่ในฐานะผู้รับอนุญาตขายยา ดังนั้นจึงไม่สามารถนำมาตรา 19(1) หรือมาตรา 53 มาใช้ได้
เนื่องจากในมาตราดังกล่าวนี้กล่าวถึงผู้รับอนุญาตขายยา กรณีของรถเร่ขายยาที่เป็นยาสามัญประจำบ้านจึงไม่มีกฎหมายควบคุมในเรื่องการขายยานอกสถานที่
หรือต้องขายยาอย่างเป็นหลักแหล่ง ซึ่งต่างจากกฎหมายของประเทศอังกฤษ Medicines
Act 1968 ใน Section 53 แม้ว่ายานั้นในอังกฤษจะอยู่ใน
General Sale List (เทียบเท่ายาสามัญประจำบ้านของไทย) แม้จะขายที่ไหนก็ได้
แต่ต้องขายเป็นหลักแหล่ง ไม่ขายในร้านแผงลอย หรือเปิดท้ายขายของ
1.2
กรณีที่ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน จะต้องได้รับอนุญาตก่อนการขายยา หากฝ่าฝืนขายยาโดบไม่เคยได้รับใบอนุญาตขายยา กรณีที่ยานั้นเป็นยาแผนปัจจุบัน
ถือว่าเป็นการขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 12 จะต้องได้รับโทษตามมาตรา
101 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีเป็นยาแผนโบราณ
ถือว่าเป็นเป็นการขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 46 จะต้องได้รับโทษตามมาตรา
111 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท
กรณีที่ผู้นั้นเคยขออนุญาตขายยามีสถานที่ขายยาเป็นหลักแหล่งแล้ว แต่กลับนำยานั้นออกมาเร่ขาย กรณียาแผนปัจจุบัน มาตรา 19(1) ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายส่ง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 2,000 - 5,000 บาท ตามมาตรา 102 กรณีการขายยาแผนโบราณ มาตรา 53 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาแผนโบราณนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายส่ง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000 - 3,000 บาท ตามมาตรา 112
กรณีที่ผู้นั้นเคยขออนุญาตขายยามีสถานที่ขายยาเป็นหลักแหล่งแล้ว แต่กลับนำยานั้นออกมาเร่ขาย กรณียาแผนปัจจุบัน มาตรา 19(1) ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายส่ง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 2,000 - 5,000 บาท ตามมาตรา 102 กรณีการขายยาแผนโบราณ มาตรา 53 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาแผนโบราณนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายส่ง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000 - 3,000 บาท ตามมาตรา 112
2.
การโฆษณาขายยา
เนื่องจากพฤติกรรมของรถเร่ขาย
มักมีการประกาศเชิญชวนให้มาซื้อสินค้าที่ขาย กรณีที่ประกาศว่ามีการขายยา
มีการเชิญชวนให้มาซื้อยา ซึ่งเป็นลักษณะของการโฆษณาขายยา
ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ จะต้องได้รับอนุญาตโฆษณาขายยาก่อน ตามมาตรา
88 ทวิ
หากไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาทตามมาตรา
124
ตัวอย่างอันตรายจากการซื้อยาจากรถเร่ขายยา
-
ยาสมุนไพรหรือยาแผนโบราณที่ซื้อ อาจพบสารสเตียรอยด์ (ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่
30 มิถุนายน พ.ศ. 2554 หน้า 15)
-
ปัญหาการแพ้ยา,การได้รับยาเกินขนาด,
การได้รับยาซ้ำซ้อนซึ่งส่งผลให้เสียประโยชน์จากการต้องเข้ารับการรักษาอย่าง
ต่อเนื่องและสูญเสียเงินทองไม่คุ้มประโยชน์ (เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่
22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 หน้า
12)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น