ขายยา Reduce-15mg

ไม่ต้องถกเถียงกันแล้วว่า Reduce-15 mg (รีดิวซ์ 15 มิลลิกรัม, ตัวยา คือ ไซบูทรามีน) ของใครแท้ ของใครปลอม เพราะทุกคนที่มีขายในขณะนี้ล้วนเป็นของที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น 

ยา Reduce-15 mg ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นของบริษัท Ordain Health Care Global Pvt Ltd ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศอินเดีย แต่ที่ประเทศอินเดีย เขาห้ามผลิต ขาย กระจาย ยาตัวนีัตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ค.ศ.2011 (พ.ศ.2554) เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพ เพราะพบมีความเสี่ยงต่อหัวใจและหลอดเลือด ไม่ได้เป็นยาที่ปลอดภัยแต่อย่างใด

ดังนั้น บริษัท Ordain Health Care Global Pvt Ltd จึงไม่ควรมียาตัวนี้จำหน่ายอีกต่อไป และประเทศไทยก็ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนตำรับยาตัวนี้ นั่นหมายความว่า สิ่งที่ขายอยู่ในประเทศไทย ล้วนผิดกฎหมายทั้งสิ้น

กรณีประเทศอินเดีย ยาไซบูทรามีน (sibutramine) ถูกห้ามผลิต ขาย นำเข้า ซึ่งประกาศตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ค.ศ.2011 ดังนั้น ตัวอย่างยาชื่อการค้า รีดิวซ์ (เช่น Reduce-15 mg) ซึ่งผลิตหรือขายในอินเดีย ณ ปัจจุบันหากมีขายอยู่ล้วนเป็นของผิดกฎหมายทั้งสิ้น ดังนั้น จึงไม่ต้องมากล่าวอ้างแล้วว่าของใครจริงหรือปลอม เพราะเขาห้ามขายตั้งแต่ปี ค.ศ.2011 แล้ว

กรณีของประเทศไทย ผู้ที่ขายยาที่มีไซบูทรามีนเป็นส่วนประกอบ เช่น รีดักดิล (Reductil) หรือรีดิวซ์ (เช่น Reduce-15 mg) จะต้องโทษตามกฎหมายดังต่อไปนี้

1. ประชาชนทั่วไปที่ขายยานี้ ถือเป็นการขายยาโดยไม่ได้รับอ นุญาต ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มาตรา 12 ต้องรับโทษตามมาตรา 101 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท ด้วย

2. เนื่องจากยาไซบูทรามีนทุกชื่อการค้าในประเทศไทย ไม่มีทะเบียนตำรับยา การขายยานี้ถือเป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาในประเทศไทย ห้ามผลิต ขาย นำเข้า ตามมาตรา 72(4) ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามมาตรา 122 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. การโฆษณาขายยาผ่านเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์ จะเป็นการโฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2522 มาตรา 88 ทวิ นอกจากนี้ยังเป็นการโฆษณาขายยาโดยฝ่าฝืนมาตรา 88(6) ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามมาตรา 124 คือ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

4. หากผลิตภัณฑ์ใดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย และมีไซบูทรามีน (Sibutramine) เป็นส่วนผสม ถือว่าเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 25(1) ประกอบมาตรา 26(1) ต้องได้รับโทษตามมาตรา 58 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรืออาจเข้าข่ายอาหารปลอมหากมีฉลากเพื่อลวงหรือพยายามลวง ให้เกิดความเข้าใจผิด ตามมาตรา 25(2) ประกอบมาตรา 27(4) ต้องระวางโทษตามมาตรา 59 คือ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท

ติดตามภาพบน facebook ได้ที่

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=356008194525170&l=d46eb97b4b

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=356934884432501&l=400ddb2745