คดีนี้้ ผู้จบปริญญา "ดอกเตอร์ออฟออปโตเมตรี" แปลว่า"จักษุแพทย์ศาสตร์บัณฑิต" แสดงตนในใบปลิวและนามบัตรว่าเป็นจักษุแพทย์เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้มีเจตนาจะประกอบวิชาชีพเวชกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2523
|
|
พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2511 มาตรา 21, 36
จำเลย
ศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ได้รับปริญญา"ดอกเตอร์ออฟออปโตเมตรี" แปลว่า"จักษุแพทย์ศาสตร์บัณฑิต" ซึ่งความหมายของ "จักษุแพทย์"
นั้น ได้แก่ผู้ตรวจสอบสายตา ผู้ประกอบแว่น
(ไม่ได้หมายถึงผู้รักษาตาด้วยยาหรือการผ่าตัด)
จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลแผนปัจจุบัน
สาขาเวชกรรมซึ่งมีแพทย์ประจำ
แต่ตัวจำเลยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
เมื่อจำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จำเลยได้พิมพ์นามบัตรและใบปลิวโฆษณามีคำว่า จักษุแพทย์
และชื่อสถานพยาบาลของจำเลย แต่ไม่ได้แสดงออกซึ่งการกระทำใด ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับที่ได้แสดงใบปลิว
และนามบัตรว่าได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเกี่ยวกับการตรวจ
การป้องกันและการบำบัดโรคตาและพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามใบปลิวและ
นามบัตรที่ใช้โฆษณานั้น ดังนี้
เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะแสดงวิทยฐานะทางการศึกษากับแสดงหลักฐานการประกอบ
อาชีพเพื่อหาคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้นหาได้มีเจตนาที่จะแสดงว่า
จำเลยพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่
________________________________
โจทก์ฟ้องว่า
จำเลยซึ่งมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
บังอาจพิมพ์ใบปลิวและนามบัตรโฆษณาต่อประชาชนว่าจำเลยเป็นจักษุแพทย์มีสถานพยาบาลชื่อสยามคอนแท็คเลนส์คลีนิค อยู่เลขที่ 2/7 ถนนสุขุมวิท 18
แขวงคลองเตย อันแสดงว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511มาตรา 4, 21, 36
และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยแสดงตนพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมรักษา
โรคทางตา
โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511มาตรา 21, 36 จำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า
จำเลยเพียงแต่แสดงวิทยฐานะทางการศึกษากับชื่อและที่ตั้งสถานพยาบาลของจำเลย
มิใช่แสดงว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรม พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยศึกษาที่มหาวิทยาลัยมนิลากลางประเทศฟิลิปปินส์
ได้รับปริญญา เรียกชื่อว่า "ดอกเตอร์ ออฟ ออปโต เมตรี" ซึ่งมีคำแปลว่า
"จักษุแพทย์ศาสตร์บัณฑิต" ความหมายของจักษุแพทย์นั้นปรากฏตามเอกสารหมาย ล.2
ว่าได้แก่ ผู้ตรวจสอบสายตา
ผู้ประกอบแว่น (ไม่หมายถึงผู้รักษาตาด้วยยาหรือการผ่าตัด)
จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลแผนปัจจุบัน สาขาเวชกรรม
ชื่อสยามคอนแท็คเลนส์คลีนิคแล้วจำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร จึงพิมพ์นามบัตรกับใบปลิวที่ใช้โฆษณามีคำว่า จักษุแพทย์
และชื่อสถานพยาบาลของจำเลยถึงแม้จำเลยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็น
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากคณะกรรมการแพทยสภาและทางสมาคมจักษุ โสต ศอ
นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย แจ้งให้แพทยสภาทราบว่า
ปริญญาของจำเลยถือว่าเป็นจักษุแพทย์ไม่ได้
ก็เป็นแต่เพียงวิทยฐานะทางการศึกษาของจำเลยนั้น
ไม่อยู่ภายในข้อบังคับที่จะเข้าเป็นสมาชิกของแพทยสภา
และมิใช่ความรู้ในวิชาชีพเวชกรรมของผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามมาตรา
24 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511
ที่แพทยสภาจะอนุมัติหรือออกวุฒิบัตรแสดงความรู้หรือความชำนาญให้แก่ผู้
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.
2511 เท่านั้น
ส่วนการที่จำเลยมีสถานพยาบาลด้วยก็ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งสถาน
พยาบาลแผนปัจจุบันสาขาเวชกรรม ซึ่งมีแพทย์ประจำ โดยจำเลยมิได้รักษาโรคตา
ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดอีกว่า
การที่จำเลยโฆษณาหาเสียงสมัครรับเลือกตั้งดังกล่าวได้มีการแสดงออกซึ่งการ
กระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ได้แสดงใบปลิวและนามบัตรว่าเป็นจักษุแพทย์
ตามใบปลิวและนามบัตรที่ใช้โฆษณานั้น ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า
จำเลยมีเจตนาจะแสดงวิทยฐานะทางการศึกษาตามที่เรียนสำเร็จและได้รับปริญญา
บัตรมากับแสดงหลักฐานการประกอบอาชีพ
เพื่อจะหาคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการที่จำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็น
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น หาได้มีเจตนาที่จะแสดงว่า
จำเลยพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมอันจะเป็นความผิดตามฟ้องไม่
พิพากษายืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น