ปรุฬห์ รุจนธำรงค์
ลวดดัดฟันแฟชั่น
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับช่องปาก
แต่ก็ไม่ได้จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องมือแพทย์ซึ่งเป็นกฎหมายที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
หากมีการประกาศเป็นเครื่องมือแพทย์จะทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของลวดดัดฟันตลอดจนการสั่งห้ามขายได้
แม้ว่าอุปกรณ์ที่ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์การรักษาโดยตรงแต่ทำเพื่อความสวยงาม
ก็สามารถประกาศเป็นเครื่องมือแพทย์ได้โดยอาศัยนิยาม “เครื่องมือแพทย์” ใน (3) ตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 เช่นเดียวกับกรณีของเลนสัมผัส (contact lens)
ชนิดแฟชั่น ก็ไม่ได้ประกาศแต่อย่างใด
ที่มาของภาพ: คมชัดลึก 20 กรกฎาคม
2555 หน้า 3
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
(สคบ.) พบว่าลวดดัดฟันแฟชั่นนั้นพบสารปนเปื้อนซึ่งเป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง
ซีลีเนียม โครเมียมและสารหนู เป็นต้น วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่ไม่มีมาตรฐาน
ลักษณะการนำมาคล้องที่ฟันด้วยลวดที่ไม่แข็งแรง มีโอกาสหลุดลงคอ
ทำให้เป็นอันตรายแก่ชีวิต
การดัดฟันที่ถูกต้องจะต้องกระทำโดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม
รวมทั้งการใส่ลวดดัดฟันโดยไม่มีการดูแลรักษาที่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียด้านสุขอนามัยของฟันหรืออวัยวะในช่องปาก
จึงได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 36 วรรคหนึ่งและวรรคสาม
ประกาศห้ามขายชั่วคราวใน พ.ศ.2549
และอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
พ.ศ.2522 มาตรา 36 วรรคสอง
ประกาศห้ามขายถาวรตั้งแต่วันที่ 19
กันยายน
พ.ศ.2552
ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
6
เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000
บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าผู้ประกอบธุรกิจนั้นเป็นผู้ผลิตเพื่อขาย
หรือเป็นผู้สั่ง หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านทันตแพทยสภาได้มีนโยบายห้ามทันตแพทย์จัดฟันแฟชั่น
ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกพิจารณาคดีจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพ
เอกสารอ้างอิง
1. คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่ 1/2549 เรื่อง
ห้ามขายสินค้าลวดดัดฟันแฟชั่นเป็นการชั่วคราว (ราชกิจจานุเบกษา 3 มีนาคม 2549)
2.
คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่ 10/2552 เรื่อง
ห้ามขายสินค้าลวดดัดฟันแฟชั่น
(ราชกิจจานุเบกษา
18 กันยายน 2552)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น